Fulfillment (ฟูลฟิวเม้นท์) คือบริการอะไร ?

ทำไมต้องใช้บริการ Fulfillment เพื่อเพิ่ม "ยอดขาย" และมี "เวลา" เพิ่ม

บริการ Fulfillment นั้นถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างมากในระบบการค้าขายแบบ E-Commerce

ที่ในปัจจุบันนั้น มีผู้ขายอิสระเกิดขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมาก
ไม่จำกัดแต่เพียงห้างสรรพสินค้า ร้านค้า เท่านั้น

แต่บุคคลธรรมดาทั่วไป ก็สามารถเป็นผู้ขายสินค้าเองได้ เช่น ธุรกิจส่วนตัวที่ใช้บ้านเป็นสำนักงาน รวมไปถึง SMEs และ ธุรกิจขนาดใหญ่ก็นิยมใช้บริการ Fulfillment

การค้าขายสินค้าที่จับต้องได้นั้น

จำเป็นที่จะต้องมีการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า จึงจะถือว่าแล้วเสร็จ

ปัจจุบัน “ยุคสมัยแห่งอินเทอร์เน็ต” และ “โลกออนไลน์”

ที่ทำให้การสั่งสินค้าผ่านระบบออนไลน์เข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน

ซึ่งการส่งสินค้าทางไปรษณีย์ และ ขนส่งจึงเติบโตตามการขยายตัวของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เริ่มเชื่อมั่นระบบสั่งสินค้าออนไลน์
ไม่ว่าจะสั่งเสื้อยืดเพียง 1 ตัว หรือ สั่งของเป็นล็อตที่มีสินค้าที่ต้องการหลายชิ้น

จึงทำให้เกิดการบริการโลจิสติกส์ในเรื่องของ ” Fulfillment ” เกิดขึ้นมา

เพื่อรองรับและส่งเสริมการค้าขายสำหรับตลาดในโลกออนไลน์ ให้แล้วเสร็จสมบูรณ์
ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับ ผู้ขายสินค้า และ ลูกค้า

หากไม่คุ้นเคยกับคำนี้มาก่อน หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ” บริการ Fulfillment คืออะไร “

“Fulfillment” แปลเป็นไทย “การเติมเต็ม”

ในภาษาไทยยังไม่มีคำแปลตรงๆ ในวงการ มักใช้คำทับศัพท์ “ฟูลฟิวเม้นท์”

“ฟูลฟิวเม้นท์” เป็นการรวมบริการที่ตอบโจทย์เติมส่วนที่ขาดที่เป็นช่องว่างในกระบวนการจัดส่งของสินค้า

นั้นคือ 3 บริการหลัก

และอาจจะมีบริการพิเศษเพิ่มเติมในแต่ละแบรนด์ ตามความถนัดของแต่ละบริษัท

โอกาสทางธุรกิจของบริการ Fulfillment เกิดขึ้นเมื่อผู้ขายสินค้าหรือผู้ประกอบการเริ่มมีภาระที่หนักหน่วงในการรับมือกับปริมาณการสั่งซื้อ (Order) เข้ามามากขึ้น

ยิ่งเป็นธุรกิจส่วนตัวที่เจ้าของธุรกิจมักจะทำงานแต่ละส่วนด้วยตนเอง ยิ่งเห็นได้ชัดว่า
เวลาทำงานเริ่มหมดไปกับ

การจัดการออเดอร์
การเตรียมฉลากป้ายชื่อของลูกค้า
ซองและกล่อง
การจัดของตามใบสั่งซื้อ
การบรรจุหีบห่อหรือแพ็กเกจจิ้ง
การนำสินค้าไปส่งไปรษณีย์ หรือ ผู้ให้บริการส่งสินค้าด้วยตนเอง

ทำให้เสียเวลาในการจัดการเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ซึ่งบริการ Fulfillment นั้นจะเข้ามามีบทบาทช่วยแบ่งเบาภาระส่วนนี้ให้กับเจ้าของธุรกิจนั่นเอง

ผู้สนใจ แนะนำ Click ดู VDO นี้ก่อน เพื่อรู้จักบริการ Fulfillment

เริ่มใช้บริการ Fulfillment ต้องทำอย่างไร ??

ติดต่อผู้ให้บริการ Fulfillment
จากนั้นจัดส่งสินค้าไปให้ทาง Fulfillment
เก็บไว้ในคลังสินค้ากลาง ซึ่งจะมีค่าเช่าพื้นที่ตามอัตราปริมาตรของการจัดเก็บ โดยคิดค่าบริการรายเดือน
สินค้าจะได้รับการจัดเก็บอย่างถูกวิธี
มีระบบรักษาความปลอดภัย เช่น กล้อง CCTV ความละเอียดสูง
มีการใช้ฉลากบาร์โค้ดกับสินค้าทุกชิ้น
การใช้ซอฟท์แวร์บริหารสินค้าคงคลัง คือ ระบบ WMS ที่จะทำให้จัดการสินค้าได้อย่างครบวงจร
มีระบบสถิติ สามารถเช็คปริมาณสินค้าคงคลังเหลือเท่าไหร่ สินค้าใดบ้างและจำนวนเท่าใดที่ใกล้จะหมดอายุ เพื่อให้เจ้าของธุรกิจได้นำข้อมูลไปวางแผนการผลิตหรือจัดหาที่ต่อเนื่องได้

หลังจากนั้นทางผู้ให้บริการ Fulfillment จะเป็นผู้ประสานงานรับคำสั่งซื้อจากทุก ๆ แพลตฟอร์มของ E-Commerce

เพื่อนำคำสั่งซื้อนั้นไปหยิบสินค้าออกมาบรรจุลงกล่อง แล้วนำส่งสินค้า จนสินค้าถึงมือผู้ซื้อ

อีกทั้งยังมีบริการรับชำระเงินปลายทาง หรือ COD ด้วย

ซึ่ง ผู้ซื้อ และ ผู้ขาย สามารถติดตามได้ว่าสินค้าอยู่ในขั้นตอนใดแล้วผ่านระบบแทร็กกิ้ง

นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการเคลมคืนสินค้า ในกรณีที่สินค้าเสียหาย หรือ สูญหาย

และบาง Fulfillment ยังให้บริการติดตั้งสินค้าอีกด้วยในกรณีที่เป็นสินค้าขนาดใหญ่และต้องมีการติดตั้ง

ส่วนบริการพิเศษที่น่าสนใจอย่างเช่น

ผู้ขายสามารถกำหนดได้ว่าจะให้เลือกหยิบสินค้าในลักษณะใด เช่น สินค้าที่เก็บเข้าคลังก่อนก็นำออกไปก่อน หรือ FIFO (First In, First Out) หรือ เรียงตามวันหมดอายุ หรือ FEFO (First Expired, First Out) เป็นต้น

ดังนั้น Fulfillment จึงเป็นบริการที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน

หากผู้ขายสินค้าได้ทราบว่า Fulfillment คืออะไร แล้ว
และ เห็นมูลค่าของเวลาที่ต้องเสียไปในการจัดการเรื่องต่างๆ เหล่านี้

” ซึ่งหากนำเวลาดังกล่าวไปทำประโยชน์ด้านอื่น ที่สร้างเม็ดเงินกำไรกลับมาได้มากกว่า

ต้นทุนใช้บริการ Fulfillment ก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนในส่วนนี้ “

เพื่อให้หมดภาระในส่วนของการจัดเก็บสินค้า บรรจุหีบห่อ ลดความผิดพลาด และเพิ่มประสิทธิภาพการนำส่งสินค้าถึงมือลูกค้าด้วยความรวดเร็วและประหยัดต้นทุนการขนส่งได้มากที่สุด