เช่น ” รถยนต์ “
อาจจำเป็นต้องสั่งซื้อ ตัวเครื่อง จากบริษัทหนึ่ง และสั่งซื้อ อะไหล่ จากอีกบริษัทหนึ่ง
ส่วนกระจกรถ ก็ต้องใช้ความเชี่ยวชาญจากอีกบริษัทหนึ่ง
รวมไปถึงระบบปฏิบัติการก็อาจจะใช้อีกบริษัทหนึ่ง
ดังนั้นการประกอบ รถยนต์ 1 คัน
อาจจำเป็นต้องใช้ ผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญแตกต่างกันถึง 4 รายเป็นอย่างต่ำ
หรือ ยกตัวอย่างสินค้าง่าย ๆ อย่าง “ปากกา”
ก็อาจจะมีผู้ประกอบการหลายรายที่มีส่วนร่วมในปากกาด้ามหนึ่ง
เช่น หัวลูกลื่น ไส้ปากกา สปริง และด้ามพลาสติก
ซึ่งวัสดุเหล่านี้ก็เป็นไปได้ที่จะมาจากบริษัทที่ต่างกัน
หรือ อย่างโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน ก็เช่นกัน
ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของบริษัทผู้ผลิตเลนส์กล้องถ่ายภาพมาร่วมมือกัน
ถ้าเราเข้าใจแนวคิดนี้ ก็จะเริ่มมองเห็นความสัมพันธ์แบบ B2B ในสินค้าทุกชิ้น ที่วางขายอยู่ตามท้องตลาด
ว่าสินค้าชนิดนี้เกิดจากการร่วมมือกันของผู้ประกอบการด้วยกันเอง
หรือ ที่เรียกว่า “B2B” ( Business to Business)