10 บทเรียนชีวิตและธุรกิจ (ภาค 2) จากซีรีย์ สงครามส่งด่วนMad Unicorn ซีรีย์น้ำดี ของ GDH ที่กำลังเป็นกระแส
Posted on: กรกฎาคม 4, 2025, by : nipalak wanghin

จากโพสต์ก่อน 5 บทเรียนชีวิต & ธุรกิจ (ภาค 1)
ที่ยังอยากเล่าต่อ และมี FC บอกว่ารออ่าน ขอบคุณมากๆ ครับ
วันนี้กลับมาเสิร์ฟ บทเรียนที่ 6-10 (ภาค 2)
แบบจุกๆ พร้อมน้ำแข็งดับไฟในหัวหน่อยๆ 😹

หลังดูซีรีส์ Mad Unicorn จบ
บางคนตะโกนในใจว่า “พรุ่งนี้จะเป็น CEO เดี๋ยวนี้!”
บางคนถึงขั้นเปิด Canva ทำโลโก้บริษัทตัวเองทันที 555
แต่เดี๋ยวก่อน…
ธุรกิจจริง ไม่ได้ตัดจบใน 7 ชั่วโมง
พร้อม Happy Ending แบบ Netflix นะครับ!
โลกของผู้ประกอบการจริงๆ มันเหมือนซีรีส์ที่ “ไม่มีตอนจบ”
ทุกเช้า = ตอนใหม่
ทุกลูกค้า = ตัวละครใหม่
ทุกดราม่าในบริษัท = Plot twist รายวัน
และที่สำคัญ…
“#สงครามส่งด่วน” หรือจะ “สงครามอะไรก็ตามในธุรกิจ”
มันยังไม่จบ…
และจะไม่จบ จนกว่าคุณจะ Exit ขายกิจการ
หรือเกษียณตัวเองได้สำเร็จเท่านั้น!
🔥 ดังนั้น ถ้าคุณแค่อยากเป็น CEO เพราะดูแล้วมันเท่
บอกเลย… ทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไป!
แต่ถ้าคุณมี “เป้าหมาย” ที่ชัดเจน
ว่าอยากเป็น CEO เพราะอยากสร้างบางอย่าง
อยากเปลี่ยนชีวิต อยากเลี้ยงทีม อยากดูแลครอบครัว
หรือแม้แต่อยากเปลี่ยนโลกในแบบของคุณ…
งั้นยินดีต้อนรับเข้าสู่สนามจริงของผู้ประกอบการครับ 😎
มีหนึ่งในทีมเขียนบทของ สงครามส่งด่วน (Mad Unicorn)
ที่หลังจากเขียนบทซีรีส์จบ ปิดคอม ส่งไฟล์สุดท้าย
กลับอินบทของตัวเองจัด ถึงขั้นลาออกจากงานประจำ
แล้วเปิดธุรกิจจริงๆ ซะอย่างนั้น!
เพราะโดนวลีหนึ่งในเรื่อง วนอยู่ในหัวไม่หยุด
คือประโยคทองจาก “เถ้าแก่เหมืองทราย” ที่พูดว่า…
“ถอนขนนกกระจอก กับ ถอนขนไก่ ก็ใช้เวลาเท่าๆกัน
แต่ไก่ให้เนื้อได้เยอะกว่า กับทุกทางเลือกในชีวิตเรา จงเลือกเป้าหมายให้ดี”
ผมก็คาดว่า สื่อมีอิทธิพลต่อผู้คนจริงๆ ซีรีย์นี้ได้ทำหน้าที่ในการสร้างแรงบันดาลใจ
ส่งเสริมให้คนไทยเป็น SME ซึ่งน่าดีใจ
ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์และแนวคิด
เป็นบทเรียนที่ได้จากซีรีย์เรื่องนี้ อีก 5 บทเรียน
ในมุมความคิดเห็นส่วนตัว และมุมฐานะเจ้าของธุรกิจ
ที่สร้างตัวจาก 0 เช่นกัน
อาจจะมีเนื้อหาของซีรีย์ที่อาจจะสปอยเล็กน้อย
แนะนำไปดูก่อนที่จะอ่านต่อไปข้างล่างนี้นะครับ
#บทเรียนที่6 “ถอนขนนกกระจอก กับ ถอนขนไก่ ก็ใช้เวลาเท่าๆกัน
แต่ไก่ให้เนื้อได้เยอะกว่า กับทุกทางเลือกในชีวิตเรา จงเลือกเป้าหมายให้ดี”

เริ่มต้นก็ตามซีรีย์เรื่องนี้เลย ประโยคหลักที่ทำให้ซีรีย์เรื่องนี้ดำเนินจนจบ
เพราะแค่ “เลือกเป้าหมาย” มันยังไม่พอ
คุณต้องลงมือ “ถอนขน” ด้วย — และแน่นอนว่า
ขนไก่มันไม่ได้ถอนง่ายเหมือนนกกระจอก!
(บางทีไก่ยังดิ้น… แล้วเจ้าของธุรกิจล่ะ เจอปัญหาดิ้นได้ทุกวัน)
ใครอยากสร้างธุรกิจให้ “ใหญ่ เป้ง ปัง” ก็ต้องเสียสละมากพอสมควร
แต่คนส่วนใหญ่ (รวมถึงผมเมื่อก่อน) มัก #อยากรวย แบบสูตรทางลัด
#รวยไว” #รวยด่วน
“ขอวันละ 15 นาที เปลี่ยนชีวิตตลอดไป”
ซึ่งเอาจริงๆ นะ — แบบนี้ถ้าไม่ “มีโชค ตกถังข้าวสาร” ก็คือ
Mindset “หลงทาง”
บางคนถึงขั้น หลงหนัก จนกลายเป็นสายมืด…
ขี้เกียจลงทุนในตัวเอง แต่ดันขยันหาช่องโกง
พอรู้ตัวอีกที เป็นมิจฉาชีพแบบ Full-time
(ดูจากแก๊งคอลฯ ตอนนี้ คือโคตรขยัน! ขยันหลอกทุกวัน…
แถมอัปสกิลไวกว่าเด็กจบใหม่อีก)
สรุปคือ เขาเลือกเป้าหมาย ถอนขนไก่…
แต่ไปถอนในทางผิดนั่นแหละ!
กลับมาทางสายขาวบ้าง
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจระดับ 10 ล้าน 100 ล้าน
หรือจะไปถึง 10,000 ล้าน
ทุกขั้นล้วนต้อง “แลก” บางอย่างเสมอ
แลกกับเวลา ชีวิตส่วนตัว ความมั่นคง ความรัก สุขภาพ
หรือแม้กระทั่งความฝันในวัยเด็กที่อยากมีวันหยุด
ถ้าคุณไม่มี “ทุนเป็นเงิน” ก็ต้องลงทุนพัฒนาทักษะ “ตัวคุณเอง”
เรียนรู้ ฝึกฝน ล้มบ้าง ร่วงบ้าง แล้วลุกให้เร็วกว่าเดิม
ตัวอย่างชัดๆ ก็ “รุ่ยเจี๋ย” ในซีรีส์ หรือ “เว่ยเจี๋ย”
ตัวจริงที่ร่วมก่อตั้ง Flash Express
ได้หุ้น 30% โดยไม่ได้ใส่เงิน!
แต่สิ่งที่เค้าใส่ลงไปคือ ความสามารถระดับพระกาฬ
ถึงขั้นที่ Alibaba ยังชื่นชมในระบบที่เขาเขียน
และในช่วงเริ่มต้น เขานอนในบริษัทเป็นเดือนๆ เอาเต็นท์มาปูนอน
แบบนี้แหละถึงจะคู่ควรกับความสำเร็จระดับหมื่นล้าน
สุดท้ายคือ…
อยากได้ความสำเร็จขนาดไหน ก็ต้องเตรียมใจเสียสละให้ใหญ่พอเท่ากัน
อยากได้ “ผลลัพธ์ XXL”
แต่ใช้ “ความพยายาม Size S”
มันก็เหมือนพยายามถอนขนไก่ ด้วยคอตตอนบัด… ยังไงก็ไม่ไปไหน
ความสำเร็จมันยุติธรรมเสมอ
ไม่ใช่สำหรับคนโชคดี… แต่สำหรับคนที่ยอมจ่ายราคามันจริงๆ
#บทเรียนที่7 “ทำธุรกิจเก่ง หาเงินเก่ง…แต่ถ้าไม่มีวินัยการเงิน = เจ๊งเก่งเหมือนกัน”

ดูซีรีส์ Mad Unicorn “พระเอกแม่งเท่!”
เพราะเก็บตังค์เท่าไหร่ All in หมด ไม่เคยเหลือเผื่อใจ
แต่ในโลกจริง…พฤติกรรมแบบนี้เรียกง่ายๆ ว่า
“บ้าเลือด”
ใช่ครับ… คุณอาจจะชนะ All in มาหลายครั้ง แต่
ถ้าแพ้แค่ครั้งเดียว = ชีวิตคุณ Game Over แบบไม่มีวันกลับจุดเซฟ
ลองย้อนไปดูยุคเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ปี 40
มหากาพย์ “ต้มยำกุ้ง” — เศรษฐีเจ๊งกันเป็นแถว
หรือช่วงโควิดที่ผ่านมา ธุรกิจใหญ่ๆ ที่เคยรวยเละจากการ “ลุยหมดหน้าตัก”
ก็ไปไม่รอดเพียบ เพราะเงินหมดตอนโลกหยุดหมุน
จำไว้เลยครับ…
เป็นเจ้าของธุรกิจคนเดียว = คุณต้องเป็นทั้ง CEO ที่เหยียบคันเร่ง
และ CFO ที่แตะเบรกในคนเดียวกัน
ไม่งั้นคุณจะขับรถพุ่งตกเหว
ในบริษัทใหญ่ๆ เค้ายังต้องมีระบบ “ถ่วงดุล”
CEO หาตังค์เข้าบริษัท CFO คอยจับมือห้ามใช้เกินงบ
แต่ถ้าคุณยังทำคนเดียว คราวนี้ก็ต้อง เล่นสองบทบาท
คำแนะนำตรงๆ:
เริ่มต้นธุรกิจเท่าที่คุณมี ไม่ต้องเปิดตัวด้วยอุปกรณ์เทพ หรือออฟฟิศล้ำอนาคต
ธุรกิจไม่จำเป็นต้องเริ่มด้วย MacBook Pro
แต่ควรเริ่มด้วย “สมอง” และ “สมุดบัญชี” ที่ไม่โกหกตัวเอง
พูดจากประสบการณ์ตรงเลยครับ
เมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมก็เคยเป็นนักลุยไม่ดูเบรก รายได้เข้าเยอะก็ใช้หมด
สุดท้ายต้องขายเบนซ์ เอาบ้านเข้าแบงก์ เพื่อยื้อชีวิตธุรกิจ
โชคดีที่ได้บทเรียนชีวิต + วินัยทางการเงิน เลยพลิกกลับมาได้
กลับไปที่ซีรีส์…
ช่วงที่ Thunder Express ใกล้พังเพราะเงินขาด
พระเอกประกาศตัดโอที ลดเงินเดือนทั้งบริษัท
CEO ไม่รับเงินเดือน พนักงานเริ่มประท้วง บางคนก็ทุจริต
บอกเลย ใครทำธุรกิจจะเข้าใจดี — ตอนสุขอยู่กันครบ ตอนทุกข์ คนเริ่มหาย
เจ้าของธุรกิจแบกหนี้ไปคนเดียว พนักงานย้ายที่ทำงานได้
แต่เจ้าของอาจต้องใช้หนี้ต่ออีกเป็น 10 ปี
แล้วใครคือ MVP ของทีมตอนนั้น?
“นางเอก” เสี่ยวหยู CFO ผู้เป็นแม่พระทางการเงิน
ยอมสละหุ้น 5% เพื่อแลกกับเงินทุนด่วน ช่วยบริษัทอยู่รอด
รับงานจาก Molly (ลาซาด้าเวอร์ชั่นซีรีส์)
ก่อนจะพาบริษัทระดมทุนจนเป็นยูนิคอร์น
หาเงินเก่งไม่พอ ธุรกิจยั่งยืนได้ ต้องมีวินัยการเงิน
จะเป็นเสือก็ต้องรู้จักซุ่ม ไม่ใช่กระโจนทุกจังหวะ!
เพราะโลกธุรกิจไม่ได้รอดเพราะ “คนกล้า” เสมอ
แต่รอดเพราะ “คนกล้าที่พอเหมาะ และไม่หมดตัวก่อนเวลา”
#บทเรียนที่8 “CEO คือคนสุดท้ายที่ต้องยืนอยู่ ล้มกี่ครั้งก็ได้แต่ก็ลุกให้ได้ทุกครั้งเช่นกัน”

ถ้าชีวิตธุรกิจคือสงคราม
CEO ไม่ใช่แค่ “แม่ทัพ” ที่วางแผนเดินเกม
แต่คือตัวจริงเสียงจริงที่ต้อง “ยืนอยู่เป็นคนสุดท้ายในสนามรบ”
เพราะในวันที่ปัญหาโถมเข้าใส่แบบไม่ลืมหูลืมตา
ลูกน้องอาจลาออก
พาร์ทเนอร์อาจถอย
ลูกค้าอาจหาย
ขายดีจนผลิตไม่ทัน
ขายไม่ออกจนสินค้าหมดอายุ
เพื่อนร่วมธุรกิจโกง
เงินในบัญชีอาจเหลือเท่าค่าก๋วยเตี๋ยวหนึ่งชาม
แต่ CEO…ต้อง “ยืนให้ได้”
ไม่ใช่เพราะอยากเท่
แต่เพราะถ้าคุณล้มแล้วไม่มีใครลุกต่อ
เกมมันจบตรงนั้นเลย
“ถ้าคุณไม่ยอมแพ้ คุณก็จะไม่มีวันแพ้”
จบด้วยประโยคเด็ดในซีรีย์ ที่หลายคนชอบ
#บทเรียนที่9 “เป็นเจ้าของธุรกิจ ให้เตรียมเสียใจ โดนหักหลังและพบเล่ห์เหลี่ยมของการแข่งขัน”

ถ้าคุณเข้าสู่สนามธุรกิจแล้วคาดหวังว่า
ทุกคนจะเล่นเกมด้วยความซื่อสัตย์ บริสุทธิ์
ผมแนะนำให้คุณกลับไปพักก่อน แล้วค่อยกลับมาเล่นเกมนี้อีกที
ความจริงก็คือ…
ในโลกธุรกิจ มันไม่มีพื้นที่สำหรับคนที่ไว้ใจทุกคนโดยไม่มีแผนสำรอง
คุณจะได้เรียนรู้ว่ารอยยิ้มบางคน แฝงมีดไว้ข้างหลัง
คนที่เคยนั่งกินข้าวด้วยกัน อาจหายไปพร้อมสูตรลับของธุรกิจ
และบางที…คู่แข่งไม่ได้หน้าตาเป็นศัตรู
แต่อาจมาในรูป “คนที่พูดดี แต่การกระทำคนละอย่าง”
เพราะ…
ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ยิ่งก้อนยิ่งใหญ่ยิ่งน่ากลัว
อย่างในซีรีส์ Mad Unicorn
เพื่อนสนิทของพระเอกที่บอกว่า “ฉันลงจากดอยมาช่วยนาย”
สุดท้ายแอบเอาน้ำมันรถบริษัทไปขายตอนบริษัทต้องงด OT
น้องชายที่ขอเข้ามาทำงาน…กลายเป็น “ผู้เอาลูกปืนมาขู่เพราะโดนลดเงินเดือน”
มีหนอนจากบริษัทอื่น มาส่งข่าวออกไปหาคู่แข่งและสร้างความวุ่นวาย
อันนี้ในซีรีย์ก็ยังถือว่าน้อยนะ ในชีวิตจริงมีปัจจัยจากคนรอบตัวเยอะกว่านี้
ในวันที่ธุรกิจเริ่มพุ่ง…ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในความสำเร็จ
แต่ในวันที่ธุรกิจสะดุด…บางคนเริ่มอยากมีส่วนร่วมในการหนี
อันนี้ใครๆ ก็คงต้องเจอ
“ธุรกิจมันเหมือนเกม Survivor – คนที่ชนะไม่ใช่คนที่แข็งแรงที่สุด
แต่คือคนที่ปรับตัวเร็ว และไว้ใจคนถูกคน”
ถ้าจะทำธุรกิจ ขอให้คุณมีใจ…แต่ขอให้มี “ไหวพริบ” ด้วย
เพราะเกมนี้ ไม่ใช่แค่การวิ่งให้เร็ว…แต่ต้องวิ่งไปโดยไม่โดนแทงจากข้างหลังด้วย
#บทเรียนที่10 ความสำเร็จที่ได้มายาก จะยั่งยืน
เวลาเราเห็นใครสำเร็จเร็วๆ ดังไวๆ

เรามักจะคิดว่า “เค้าต้องเก่งมากแน่” หรือ “โชคดีชะมัด”
แต่โลกธุรกิจจริงๆ แล้ว…
ความเร็วไม่ใช่ทุกอย่าง ความอึดต่างหากที่ตัดสินว่าใครอยู่รอด
ความสำเร็จที่ได้มาง่าย
มักมาพร้อม “ความประมาท”
มักไม่มี “ภูมิคุ้มกัน”
และมักไม่รู้ว่า ถ้าพังขึ้นมา…ต้องเริ่มใหม่จากตรงไหน
ทำไม “ได้มายาก” ถึง “อยู่ได้นาน”?
เพราะคุณรู้วิธีสร้างมันตั้งแต่ศูนย์
ถ้าพังอีก…คุณก็สร้างใหม่ได้
คุณไม่ประมาท
เพราะเคยเจ็บ คุณจึงระวังทุกก้าว
ความสำเร็จที่แลกมาด้วยการเสียสละ
ทำให้คุณเห็นคุณค่าของมันมากกว่าคนที่แค่ “ฟลุคแล้วปัง”
ในซีรีส์ Mad Unicorn
Thunder Express เกือบล้มหลายรอบ
แต่ก็ฟื้นกลับมาได้ทุกครั้ง
เพราะอะไร?
เพราะมันไม่ใช่ความสำเร็จที่ซื้อมา
แต่มันคือ “ของจริง” ที่ใช้ทั้งชีวิตแลกมา
ครบ 10 ข้อแล้ว ยาวมาก ใช้เวลาเป็นชั่วโมงๆ เรียบเรียง
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านทุกท่านนะครับ
MeowLogis บริการ Multi-Fulfillment / One Stop Packing
Meowlogis Multi-Fulfillment เป็นมากกว่าผู้ให้บริการขนส่ง เพราะเรามีบริการแบบ Multi-Fulfillment เก็บ แพ็ค ส่ง สถิติ ที่จะช่วยให้คุณดำเนินธุรกิจอย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
- มีเวลาว่างมากขึ้น
- เพิ่มยอดขาย
- ไม่ต้องมีลูกจ้าง
- มีบริการระบบ IT พัฒนาให้ใช้ฟรี
- ส่ง Order ได้ทุกที่ผ่านมือถือ
- ไม่ต้องเหนื่อยแพ็ค ยืนรอส่งสินค้าอีกต่อไป
ด้วยประสบการณ์การทำธุรกิจออนไลน์กว่า 12 ปี Meow Logis เป็นบริการ fulfillment แบบครบวงจรสำหรับธุรกิจทุกระดับ B2B, B2C และ SME โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครบถ้วนและมีคุณภาพสูง เพื่ออำนวยความสะดวกให้พ่อค้า แม่ค้าออนไลน์ และธุรกิจขนาดใหญ่
